สาระน่ารู้ ตลาดถ่านอัด (Charcoal Briquette)
สาระน่ารู้ เกี่ยวกับ ตลาดถ่านอัด (Charcoal Briquette)
ตลาดถ่านอัด (Charcoal Briquette) ในสหรัฐอเมริกา กรมส่งเสริมการส่งออก -- จันทร์ที่ 25 มกราคม 2553 17:32:11 น. ภาพรวมของสินค้า ถ่านเป็นเชื้อเพลิงให้พลังงานความร้อนที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของคนอเมริกัน และในกระบวนการการผลิตของอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งการคมนาคมมานานกว่า 200 ปี ต่อมาเมื่อพลังงานแก๊สและไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทแทนที่ ความสำคัญของการใช้ถ่านเป็นเชื้อเพลิงก็ลดน้อยลงไปเป็นลำดับ ถ่านอัดถูกคิดค้นขึ้นเป็นครั้งแรกในสหรัฐฯ โดย Mr. Ellsworth B.A. Zwoyer ในรัฐPennsylvania เมื่อปี ค.ศ. 1897 (พ.ศ.2440) ต่อมา Henry Fordได้คิด Charcoal Briquette ผลิตจาก เศษไม้ขี้เลื่อย และขายลิขสิทธิ์ให้แก่บริษัท E.G. Kingsford ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ผลิต/จำหน่ายถ่านอัดรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่าร้อยละ 80 การผลิตถ่านอัดภายในสหรัฐฯ มีปริมาณลดลงเป็นลำดับในระยะ 10 ปีที่ผ่านมาโดยหันไปเพิ่มการนำเข้าจากต่างประเทศแทนปริมาณ การผลิต ถ่านอัดในสหรัฐฯ ในปี 2552 มีจำนวน89.75 ล้านตัน หรือคิดเป็นมูลค่าตลาดประมาณ 940 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ช่วงเวลาที่ถ่านอัดจำหน่ายได้ดีที่สุดของสหรัฐฯ คือ วัน Memorial Day วัน Labor Day และ วัน Independent Day ซึ่งเป็นวันหยุดทั่วประเทศ ของสหรัฐฯที่ผู้คนส่วนใหญ่จัดงานเลี้ยงแบบบาร์บีคิว สินค้าถ่านอัดในตลาดสหรัฐฯ ความต้องการใช้ถ่านในสหรัฐฯ แยกออกเป็น 2 รูปแบบ คือ ถ่านเชื้อเพลิง ผู้บริโภคนิยม ใช้เพื่อให้ความร้อนในการประกอบอาหารนอกบ้าน โดยเฉพาะการปิ้งและการย่างเนื้อสัตว์ (BBQ)หรือการใช้ในบ้านเป็นเชื้อเพลิงในเตาผิงเพื่อให้ ความอบอุ่นภายในบ้านช่วงฤดูหนาว และถ่านกัมมันต์(Activated Carbon) ซึ่งอุตสาหกรรรมการผลิตนำไปใช้ในการดูดซับสารต่างๆ การกำจัดคลอลีน เป็นตัวกรองน้ำดื่ม ดูดซับกลิ่นดูดซับควันพิษ วงการแพทย์นำมาใช้เป็นยาเพื่อดูดซับเชื้อโรคทางเดินอาหาร เป็นต้น การผลิตถ่านอัดที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ผลิตจากวัสดุเศษไม้เนื้อแข็ง (Hardwood)ชนิดต่างๆ ที่มีอยู่ตามท้องถิ่นของแต่ละพื้นที่ เป็นสินค้ามีจำหน่ายในท้องตลาดถึงร้อยละ 85 ในขณะถ่านอัดที่ผลิตจากกะลามะพร้าว (Coconut Shell ) และ ขี้เลื่อย (Dust) มีสัดส่วนตลาดเพียงร้อยละ 15และส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะแหล่งนำเข้าในเอเซีย เช่น อินโดนิเซีย ไทยอินเดีย มาเลเซีย และ ฟิลิปปินส์ มักจะเป็นถ่านอัดกะลามะพร้าว (Coconut Charcoal Briquette) ซึ่งเป็นวัตถุเหลือใช้ที่มีทั่วไปในกลุ่มประเทศเหล่านี้ การนำเข้าสินค้าถ่านอัดของสหรัฐฯ สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าถ่านอัดในช่วงมกราคม-พฤศจิกายน 2552 เป็นมูลค่าประมาณ 23.30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 9.24 โดยมีแหล่งนำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ เม็กซิโก (ร้อยละ 46.40) อาร์เจนติน่า (ร้อยละ 14.82) เนเธอร์แลนด์ (ร้อยละ 13.13) จีน (ร้อยละ 4.38) และ บราซิล (ร้อยละ 3.65) และ นำเข้าจากไทยเป็นมูลค่า 37,000 เหรียญสหรัฐฯ (ร้อยละ 0.19) การนำเข้าสินค้าถ่านอัดของสหรัฐอเมริการะหว่าง มกราคม-พฤศจิกายน 2552 หน่วย : ล้านเหรียญสหรัฐฯ แหล่งนำเข้า 2551 2552 เพิ่ม/ลด(%) สัดส่วนตลาด 1. เม็กซิโก 8.02 9.28 15.74 46.40 2. อาร์เจนติน่า 1.76 2.97 68.18 14.82 3. เนเธอร์แลนด์ 2.02 2.63 29.84 13.13 4. จีน 2.12 0.88 -58.56 4.38 5. บราซิล 0.39 0.73 88.05 3.65 20. ไทย - 0.037 - 0.19 อื่นๆ 4.29 4.09 -0.04 17.43 รวมการนำเข้า 18.82 20.02 9.24 100.00 ที่มา: World Trade Atlas, January 2010 ราคาจำหน่ายถ่านอัดในสหรัฐฯ Domestic: Charcoal Britquette 1. ถ่านไม้เนื้อแข็ง ขนาดบรรจุ 20 ปอนด์/ถุง ราคา 6.95-7.50 เหรียญสหรัฐฯ 2. ถ่านกะลามะพร้าว ขนาดบรรจุ 30 ชิ้น/กล่อง ราคา 4.99-6.50 เหรียญสหรัฐฯ 3. ถ่านทำจากขี้เลื่อย ขนาดบรรจุ 10 ปอนด์/ถุง ราคา 6.50-8.00 เหรียญสหรัฐฯ Import: (ถ่านอัด) 1. FOB Philippines 0.30-0.40 เหรียญฯ/กิโลกรัม สั่งซื้อขั้นต่ำ 10,000 กิโลกรัม 2. FOB Malaysia 0.40-0.45 เหรียญฯ/กิโลกรัม สั่งซื้อขั้นต่ำ 10,000 กิโลกรัม กฎระเบียบและการนำเข้าในสหรัฐฯ สหรัฐฯ มีกฎระเบียบแข้มงวดต่อสินค้าถ่านนำเข้า ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค กฎระเบียบและข้อปฏิบัติที่ต้องดำเนินการ ได้แก่ 1. สินค้าถ่านจะต้องได้รับการรับรองจากสำนักงาน U.S. Environmental Protection Agency: EPA) ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก www.epa.gov/oppt/import-export/pubs/sec13.html 2. สินค้าถ่านจะต้องได้รับการตรวจคุณภาพสินค้าจากห้องทดลอง (Laboratories) ซึ่งรับรองโดยสำนักงาน EPA ซึ่งต้องแสดงรายละเอียด โดยมีรายละเอียดครอบคลุม 2.1 ลักษณะและความปลอดภัยของตัวสินค้า (Hazardous Waste Report Characteristic Test of Hazardous Waste) 2.2 การแสดงผลของก๊าซต่างๆ ผลกระทบสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม ( USEnvironmental Protection Agency (US-EPA) Method (1978)Oxygen (O2), Nitrogen Oxide (NO), Nitrogen dioxide (NO2), Surful dioxide (SO2), Carbon monoxide (CO), Carbon dioxide (CO2) and Dust.)หาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก http://www.epa.gov/oppt/import-export/pubs/sec4.html 3. ถ่านถือว่าเป็นวัตถุไวไฟ จะใช้ขนส่งทางเรือเท่านั้น และจะต้องเป็นเรือสำหรับขนส่งสินค้าประเภทนี้โดยเฉพาะ และต้องมีเอกสารรับรองของ EPA มิเช่นนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้นำสินค้าออกไปจากท่าเรือ ข้อแตกต่างสินค้าถ่านอัดของไทยในตลาดสหรัฐฯ 1. การผลิตถ่านอัดในสหรัฐในส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ปัจจุบันมีกระบวนการผลิตที่ทันสมัยใช้เทคโนโลยีในการควบคุมมาตรฐานให้สม่ำเสมอ รวมถึงการควบคุมคุณภาพในการผลิตสินค้า ในขณะที่ถ่านอัดของไทยในกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็ก มีการลงทุนน้อย ยังขาดเครื่องมือและเทคโนโลยี ที่ทันสมัยตลอดจนการควบคุมคุณภาพจึงมีปัญหาในด้านการควบคุมและตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานด้านความปลอดภัยในระดับสากล 2. รูปแบบของถ่านอัดไทยเป็นแบบแท่งยาว อาจแตกหักง่ายในการขนส่ง ในขณะที่ถ่านอัดที่นิยมในสหรัฐฯ จะมีรูปร่างเป็นก้อนสี่เหลี่ยมมน ซึ่งมีความคล่องตัวในการใช้ และติดไฟได้ง่ายกว่า 3. ผู้ผลิตในสหรัฐฯให้ความสำคัญด้านบรรจุภัณฑ์ใส่ถ่าน ผู้ผลิตไทยควรคำนึงถึงการใช้วัสดุที่ป้องกันความชื้นมาใช้ทำบรรจุภัณฑ์ ดังนั้น การเลือกวัสดุที่เหมาะสมและป้องกันความชื้นจากภายนอกจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก 4. ความได้เปรียบของคู่แข่งในแง่ของราคาและต้นทุนการส่งออก เช่น สินค้าจาก จีนประเทศอินโดนิเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นแหล่งมีที่วัตถุดิบจำนวนมาก และมีความได้เปรียบทางเทคโนโลยีการผลิตมีผลต่อการแข่งขันเพื่อแย่งชิงตลาดในสหรัฐฯ 5. ค่าใช้จ่ายในการขนส่งค่อนข้างสูง เป็นสินค้ามีน้ำหนัก และเป็นวัสดุไวไฟ จำเป็นต้องขนส่งทางเรือ อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายในการส่งสินค้าไปตรวจคุณภาพอีกด้วย ข้อคิดเห็นและเสนอแนะ แม้การผลิตถ่านอัดในสหรัฐฯลดลงเป็นลำดับ ปริมาณการใช้ถ่านอัดในสหรัฐฯ ยังมีอัตราการขยายตัวในระดับปานกลางอย่างต่อเนื่องโดยเพิ่มการนำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งนี้ส่วนหนึ่งสืบเนื่องจากวิถีการดำรงชีวิตของ ชาวอเมริกัน ที่นิยมการใช้ชีวิตกลางแจ้ง และนิยมชมชอบการปิ้งย่าง(Barbeque) เป็นชีวิตจิตใจ และการย่างโดยใช้ถ่านยังเป็นที่นิยมมากถึงร้อยละ 54 โดยร้อยละ 95 ของผู้บริโภคยังคงใช้ถ่านอัด ในการปิ้งย่างอาหาร จึงเป็นช่องทางและโอกาสของสินค้าถ่านอัดของไทยเข้าไปแข่งขันในสหรัฐฯ และเพื่อให้การแข่งขันประสบความสำเร็จ ผู้ผลิต/ส่งออกไทยควรพิจารณาประเด็นสำคัญ 4 ประการ คือ 1. รูปแบบผลิตภัณฑ์: ควรมีการศึกษารูปแบบของถ่านอัด ซึ่งทรงแท่งเป็นรูปแบบที่ดีแต่อาจจะไม่คุ้นเคยในกลุ่มผู้บริโภคอเมริกันที่คุ้นเคยกับถ่านก้อนสี่เหลียมมน ถ่านอัดที่มีประสิทธิภาพสูง และ เหมาะกับความต้องการหรือความนิยมของผู้บริโภค เช่น ถ่านก้อนทรงรูปหมอน ( Pillow shape) 2. บรรจุภัณฑ์ที่ใช้: ควรคำนึงถึงการแก้ไขปัญหาเรื่องความชื้น ควรใช้พลาสติกประเภท Polyethylene ซึ่งสามารถป้องกันความชื้นได้ ในการห่อหุ้มสินค้า พร้อมกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ทนทาน ขนส่งง่าย ใช้งานได้สะดวก และให้ข้อมูลแนะนำการใช้และการป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นโดยการพิมพ์ลงบนบรรจุภัณฑ์ให้สมบูรณ์ 3. กลุ่มเป้าหมายในการกระจายสินค้า: เลี่ยงการแข่งขันกับผู้ผลิตรายใหญ่ของสหรัฐฯ คือ Kingford และ Uniflame ซึ่งจำหน่ายตามร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศ สินค้าถ่านอัดไทยควรเลือกตลาดเฉพาะ (Niche Market) เช น ตลาด Camping และ ตลาดผู้ขายเตาย่าง BBQ ซึ่งเป็นช่องทางการจำหน่ายที่เล็กกว่าและการแข่งขันไม่สูงเท่ากับในตลาดทั่วไป 4. ควรพัฒนาและควบคุมการผลิตให้มีคุณภาพเทียบมาตราฐานสากลและมุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในเวลาเดียวกัน ( ไร้กลิ่น ไร้ควัน ปราศจากสารเคมี ให้พลังงานความร้อนสูง ติดไฟง่าย และยาวนาน) เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครชิคาโก ที่มา: http://www.depthai.go.th |